กำเนิดอังกะลุง ท.๔
วันพฤหัสบดีที่ 27 กรกฎาคม 2549 เวลาประมาณ 09.00 น.
นายช้วน บุญศรี ผู้ผลิตและครูสอนอังกะลุงราวจากตำบลตะค่า อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี ได้นำเครื่องดนตรีประกอบด้วยอังกะลุงราวเหล็กฉลุลายด้วยไม้ลงสีแดงและสีทอง จำนวน 9 เครื่อง พร้อมด้วยกลองแขก จำนวน 1 คู่ และโหม่งใบเดียวพร้อมกระจังฉลุลายอีกจำนวนหนึ่งจากร้านศิลปะดนตรีไทย มาส่งมอบให้กับโรงเรียนเทศบาล ๔
(วัดมหาธาตุวรวิหาร) ที่ได้ติดต่อสั่งซื้อด้วยเงินบริจาคของวัดมหาธาตุวรวิหารโดยการอุปถัมภ์จากท่านเจ้าคุณพระเทพวิสุทธาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุวรวิหาร เจ้าคณะจังหวัดราชบุรี ในการจัดตั้งวงอังกะลุง เป็นเงินทั้งสิ้น ๑๐๒,๔๐๐ บาท
โรงเรียนเทศบาล ๔ (วัดมหาธาตุวรวิหาร) เป็นโรงเรียนในสังกัดเทศบาลเมืองราชบุรีที่มีเกียรติประวัติในการอบรมสั่งสอนกุลบุตรกุลธิดาเรื่องความเป็นไทยและมีความสัมพันธ์อันดีกับชุมชนมาช้านาน
เนื่องจากเป็นสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในบริเวณชุมชนรอบสถานศึกษาและแหล่งเรียนรู้โบราณสถานประจำจังหวัดราชบุรีที่มีความเกี่ยวข้องด้านศิลปวัฒนธรรมไทย รวมถึงโรงเรียนได้มีการจัดตั้งวงดนตรีไทยอังกะลุงประจำโรงเรียนมาตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2549 โดยได้เริ่มนำเครื่องดนตรีอังกะลุงที่แขวนราวเหล็กหรืออังกะลุงราวที่ใช้ผู้เล่นเพียงคนเดียวสามารถบรรเลงเป็นเพลงได้มาพัฒนาฝึกหัดให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
4 ที่เป็นสมาชิกในกิจกรรมชุมนุมสมัยนั้นเป็นครั้งแรก จนถึงปีพุทธศักราช 2555
โรงเรียนได้มีการปรับปรุงวงอังกะลุงใหม่โดยนำอังกะลุงราวไม้ชนิดแบบมีแป้นกดมาใช้แทนการเขย่าโดยตรงที่เรียกว่าอังกะลุงแป้นกด เพื่อเพิ่มความสะดวกในการบรรเลงให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
และได้ใช้ชื่อกิจกรรมในนาม "วงอังกะลุงไทยเพชรชมพู ท.๔" มาโดยตลอดซึ่งใช้เวลาฝึกหัดทั้งในและนอกเวลาเรียนที่ยังคงสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาจนถึงปัจจุบันรวมเวลากว่าสิบปีที่วงอังกะลุงไทยของโรงเรียนได้รับใช้งานกิจกรรมนักเรียนของโรงเรียนในโอกาสต่าง
ๆ ทั้งในและนอกสถานที่ตั้งแต่กิจกรรมระดับโรงเรียน วัด ชุมชุน เทศบาล ไปจนถึงระดับจังหวัดและกิจกรรมท้องถิ่นระดับประเทศ จากการที่ได้ออกแสดงกิจกรรมในแต่ละรุ่นอยู่บ่อยครั้งนี้ทำให้ผู้เรียนและผู้สอนได้เรียนรู้วิธีการรูปแบบ
และลักษณะเพลงที่ใช้ในวาระต่าง ๆ เกิดมวลประสบการณ์ที่จะนำมาผนวกเข้าเป็นเนื้อหาที่เหมาะกับการนำไปใช้ตามสภาพจริงของกิจกรรมชุมนุมวงอังกะลุงไทย
นอกจากนี้นักเรียนที่เป็นสมาชิกในกิจกรรมชุมนุมวงอังกะลุงส่วนใหญ่จะได้รับการถ่ายทอดประสบการณ์ตรงจากครูผู้สอนซึ่งเป็นครูดนตรีไทยประจำการของโรงเรียนด้วยวิธีการเรียนแบบจารีตดั้งเดิมคือ การอธิบายพร้อมสาธิตโดยอาศัยความจำเป็นหลัก ผสมผสานกับวิธีการแบบใหม่ที่อาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามามีส่วนช่วยในการเรียนรู้ นำมาพัฒนาหลักสูตรกิจกรรมการเรียนการสอนที่ชัดเจนและมีคุณภาพดีพอที่จะนำไปใช้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 เป็นแบบอย่างขั้นพื้นฐานให้กับสมาชิกกิจกรรมชุมนุมวงอังกะลุงรุ่นถัดไปและผู้สนใจได้นำไปใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติและพัฒนากิจกรรมชุมนุมให้เกิดความเข้มแข็ง มีประสิทธิผล เกิดประโยชน์ต่อผู้เรียนและสถานศึกษายิ่งยิ่งขึ้นไป รวมทั้งตอบสนองนโยบายด้านการอนุรักษ์และสืบสานศิลปวัฒนธรรมไทยของท้องถิ่นและของรัฐ รวมถึงส่งเสริมเอกลักษณ์ความเป็นไทยและอัตลักษณ์ ท.๔ ได้ร่วมกันเผยแพร่ความรู้ภูมิปัญญาไทยให้คงอยู่สืบไป